พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ลุยตรวจร้านจำหน่ายพืชผักในตลาดป้องปรามพ่อค้าแม่ค้าปรับขึ้นราคาเกินความเป็นจริง ช่วงน้ำท่วมแหล่งเพาะปลูกและใกล้เทศกาลกินเจ พบผักหลายชนิดยังราคาทรงตัวแต่บางชนิดปรับขึ้นตามภาวะราคาต้นทุนที่รับซื้อ กำชับปิดป้ายแสดงราคาให้ผู้บริโภคเห็นชัดเจน หากฝ่าฝืนมีโทษตาม พรบ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ
เมื่อวันที่ (19 ก.ย.65) นายสุทธิศักดิ์ พรหมบุตร พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นายบุญเชิด เอ็นดู นักวิชาการชำนาญการพิเศษ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจร้านจำหน่ายพืชผัก ในตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อป้องปรามพ่อค้าแม่ค้าปรับขึ้นราคาพืชผักเกินกว่าราคาต้นทุนที่รับซื้อมาสูงเกินความเป็นจริง ในช่วงที่เกิดภาวะน้ำท่วมแหล่งเพาะปลูกในหลายพื้นที่จังหวัด รวมถึงใกล้ช่วงเทศกาลกินเจ ในห้วงระหว่างวันที่ 26 กันยายน – 4 ตุลาคม 2565 ที่จะถึงนี้ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ราคาผักสดส่วนใหญ่ยังทรงตัว มีบางชนิดที่ปรับราคาสูงขึ้น อาทิ ผักชี กก.ละ 180-200 บาท , คึ่นช่าย กก.ละ 200-220 บาท , กะหล่ำปลี กก.ละ 60-70 บาท , คะน้า กก.ละ 60-80 บาท โดยผักส่วนใหญ่รับมาจากตลาดค้าส่งที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกันนี้ยังได้กำชับให้พ่อค้าแม่ค้าปิดป้ายแสดงราคาพืชผักและสินค้าอื่นๆ ให้ผู้บริโภคมองเห็นอย่างชัดเจนด้วย หากพบว่าพ่อค้าแม่ค้ารายใดจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า และปฏิเสธการจำหน่าย ก็จะดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542
พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จังหวัด ทำให้กระทบต่อแหล่งเพาะปลูกพืชผักของเกษตรกรได้รับความเสียหายด้วย ทำให้ต้นทุนพืชผักหลายชนิดมีการปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับช่วงนี้ใกล้จะถึงเทศกาลกินเจ ดังนั้นทางพาณิชย์จังหวัดจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านจำหน่ายผักสดในตลาด เพื่อป้องปรามไม่ให้พ่อค้าแม่ค้าปรับขึ้นราคาผักสูงเกินต้นทุนที่รับซื้อมาเกินความเป็นจริง แต่จากการตรวจสอบก็พบว่าราคาพืชผักส่วนใหญ่ยังทรงตัว บางชนิดก็ปรับลดลง แต่ก็มีบางชนิดที่ปรับขึ้นขึ้นแต่ไม่มาก โดยแม่ค้าบอกว่าปรับตามภาวะราคาต้นทุนที่รับซื้อมา ทั้งนี้ก็ได้ขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ค้าให้จำหน่ายตามภาวะต้นทุนที่รับซื้อ พร้อมกำชับให้ปิดป้ายแสดงราคาด้วย ซึ่งทางพาณิชย์ก็จะได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค